น้ำผึ้งมี 3 ประเภท น้ำผึ้งมี 3 ประเภท

น้ำผึ้งมี 3 ประเภท

- ปลอม 100%

- ผสมแบบชาวบ้าน คือ การเคี่ยวน้ำตาลผสมน้ำผึ้งแท้

- น้ำผึ้งแท้ ซึ่งจะแบ่งได้ 3 ประเภท คือ 1. น้ำผึ้งหัวคอน ได้จากการเลี้ยงด้วยน้ำตาลทราย ซึ่งขณะนี้รัฐบาลของประเทศไทย โดยกรมปศุสัตว์ห้ามส่งออก

เพราะมีปริมาณ Sucrose สูงเกิน 5% 2. น้ำผึ้งจากน้ำหวานดอกไม้ ่ผ่านความร้อน 3. น้ำผึ้งจากน้ำหวานของดอกไม้ แต่ไม่ผ่านความร้อน (Raw Honey)

 น้ำผึ้งหัวคอน คือ น้ำผึ้งในช่วงฤดูกาลที่ไม่มีดอกไม้ ธรรมชาติของผึ้ง ผึ้งจะต้องกินน้ำหวาน เมื่อไม่มีดอกไม้ ผึ้งไม่มีอาหารเพียงพอ ฉะนั้นผึ้งจะตาย

เกษตรกรจึงต้องรักษาชีวิตผึ้งด้วยการให้อาหารเทียม คือ น้ำตาลผสมเกสรผึ้ง และนมถั่วเหลืองเพื่อเลี้ยงผึ้ง โดยให้ผึ้งเข้าใจว่านี่คืออาหารที่เขาสะสมไว้

 

น้ำผึ้งจากน้ำหวานดอกไม้ ผ่านความร้อน : วางขายอยู่ทั่วไปในท้องตลาดปัจจุบัน น้ำผึ้งเชิงพาณิชย์ (น้ำผึ้งไทยฮันนี่)

การเลี้ยงผึ้งนั้น ผู้เลี้ยงจะใช้แผ่นรังเทียม ซึ่งก็คือ ไขผึ้งแผ่นเรียบใส่ไว้ในกล่องไม้ และใส่นางพญาผึ้งไว้ ผึ้งจะเริ่มการทำงานด้วยการดึงหลอดรวง ซึ่งภายใน 1 คืน หลอดรวงจะหนาขึ้น ประมาณ 1 นิ้ว ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของแผ่นรังเทียม (ไขผึ้งที่ได้ ได้จากไขผึ้งในฤดูกาลก่อน)

จากนั้นผึ้งจะเก็บน้ำผึ้งน้ำหวานจากดอกไม้ เข้ามาใส่หลอดรวง โดยใช้เวลา 3 วัน ผึ้งจะเก็บ น้ำหวานจนเต็มรวงผึ้ง น้ำผึ้งที่อยู่ในรวง ณ เวลานั้น ยังมีความชื้น

โดยประมาณ 29-33% ซึ่งไม่สามารถเก็บไว้ได้ในระยะเวลายาวนาน ฉะนั้นจึงบอกได้ว่า คำว่าน้ำผึ้งแท้มีโอกาสบูดหรือไม่ คือ มี

เมื่อเก็บน้ำผึ้งเต็มหลอดรวงแล้ว ความชื้นยังสูงอยู แต่ผู้เลี้ยงต้องการปริมาณการเก็บที่มาก ดังนั้นจึงรีบเอาน้ำเชื่อมจากน้ำตาลทรายจ่อไว้ที่หน้ารัง เพื่อให้ผึ้งเข้าใจว่า ปริมาณอาหารมีมากมายมหาศาล และอยู่ใกล้ ผึ้งจึงรีบปิดรวง โดยใช้น้ำเชื่อมที่ผสมจากน้ำตาลทรายขาวนั้น ปิดรวงทันที

หลังจากนั้น เมื่อหมดฤดูกาลเก็บน้ำหวานจากดอกไม้แล้ว จึงนำน้ำผึ้ง ไประเหยความชื้น ด้วยความร้อนประมาณ 60 องศา ซึ่งทำให้คุณค่าของน้ำผึ้งซึ่งมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ถูกทำลายไป

น้ำผึ้งจากน้ำหวานของดอกไม้ แต่ไม่ผ่านความร้อน : Raw Honey

น้ำผึ้งชนิดนี้ มีวิธีการเก็บเช่นเดียวกับวิธีการที่ผ่านความร้อน แต่ให้ระเหยเวลาการทำงานของผึ้งมากขึ้น โดยเมื่อผึ้งเก็บน้ำหวานจากดอกไม้เข้ามากักไว้ในรวงแล้ว จะได้เวลาเพิ่มขึ้นอีก 8-10 วัน ผึ้งจะสามารถรับรู้ได้เองว่า น้ำผึ้งในรวง นั้นมีความชื้นที่เหมาะกับการเก็บไว้ในระยะเวลายาวนานหรือไม่ โดยกลางวันจะเก็บน้ำหวาน และกลางคืนจะระเหยความชื้นเองด้วยวิธีการกระพือปีก 2 ข้าง พัดความชื้นให้ระเหยไป โดยจะทำงานไม่พักผ่อน เป็นเวลา 11-13 วัน จงมั่นใจว่าความชื้นที่อยู่ในน้ำผึ้งต่ำเพียงพอ คือ 16-21% ซึ่งถือว่าต่ำมาก ผึ้งจึงจะปิดรวงโดยธรรมชาติ

น้ำผึ้งที่มีความชื้นต่ำ สามารถเก็บรักษาได้นานหลายสิบปี โดยไม่บูดเสีย คนโบราณ เคยรักษาสภาพศพ เช่น ศพพระ ด้วยวิธีการใช้แผ่นพลาสติก หรือใบตอง วางซ้อนกันหลายชั้น ราดด้วยน้ำผึ้ง แล้วจึงวางศพ แล้วทาน้ำผึ้งด้านบน ศพจะอยู่ได้นานหลาบสิบปี ไม่เนาเปื่อย นี่ไม่ใช่ปาฏิหาริย์ แต่เพราะ น้ำผึ้งมีความชื้นต่ำ จึงมีลักษณะเหมือนฟิมล์ เคลือบไว้ ปกป้องการเจริญเติบโตของเชื้อโรค ที่ทำให้ศพเน่า ดังนั้นการพิสูจน์ได้ว่าแท้หรือไม่ เช่น น้ำผึ้งเทผ่านทิชชู่แล้วไม่ไหลซึง หรือ เอาไม้ขีดจุ่มน้ำผึ้งแล้วไปจุดไม่ติด ไม่ใช่วิธีพิสูจน์ได้ว่าแท้หรือไม่ แต่วิธีการคือถ้าลองเอาเนื้อสดๆ ไปแช่น้ำผึ้งแล้วไม่เน่า แสดงว่าเป็นน้ำผึ้งแท้ เช่นคนบนดอย ถ้ามีการเสียชีวิตจึงมักใช้น้ำผึ้ง 1 Kg. เทกรอกปากผู้เสียชีวิต ซึ่งจะรักษาสภาพศพไว้ได้ 1 สัปดาห์ โดยไม่ต้องฉีดฟอร์มาลีน

น้ำผึ้งมี 3 ประเภท

- ปลอม 100%

- ผสมแบบชาวบ้าน คือ การเคี่ยวน้ำตาลผสมน้ำผึ้งแท้

- น้ำผึ้งแท้ ซึ่งจะแบ่งได้ 3 ประเภท คือ 1. น้ำผึ้งหัวคอน ได้จากการเลี้ยงด้วยน้ำตาลทราย ซึ่งขณะนี้รัฐบาลของประเทศไทย โดยกรมปศุสัตว์ห้ามส่งออก

เพราะมีปริมาณ Sucrose สูงเกิน 5% 2. น้ำผึ้งจากน้ำหวานดอกไม้ ่ผ่านความร้อน 3. น้ำผึ้งจากน้ำหวานของดอกไม้ แต่ไม่ผ่านความร้อน (Raw Honey)

 น้ำผึ้งหัวคอน คือ น้ำผึ้งในช่วงฤดูกาลที่ไม่มีดอกไม้ ธรรมชาติของผึ้ง ผึ้งจะต้องกินน้ำหวาน เมื่อไม่มีดอกไม้ ผึ้งไม่มีอาหารเพียงพอ ฉะนั้นผึ้งจะตาย

เกษตรกรจึงต้องรักษาชีวิตผึ้งด้วยการให้อาหารเทียม คือ น้ำตาลผสมเกสรผึ้ง และนมถั่วเหลืองเพื่อเลี้ยงผึ้ง โดยให้ผึ้งเข้าใจว่านี่คืออาหารที่เขาสะสมไว้

 

น้ำผึ้งจากน้ำหวานดอกไม้ ผ่านความร้อน : วางขายอยู่ทั่วไปในท้องตลาดปัจจุบัน น้ำผึ้งเชิงพาณิชย์ (น้ำผึ้งไทยฮันนี่)

การเลี้ยงผึ้งนั้น ผู้เลี้ยงจะใช้แผ่นรังเทียม ซึ่งก็คือ ไขผึ้งแผ่นเรียบใส่ไว้ในกล่องไม้ และใส่นางพญาผึ้งไว้ ผึ้งจะเริ่มการทำงานด้วยการดึงหลอดรวง ซึ่งภายใน 1 คืน หลอดรวงจะหนาขึ้น ประมาณ 1 นิ้ว ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของแผ่นรังเทียม (ไขผึ้งที่ได้ ได้จากไขผึ้งในฤดูกาลก่อน)

จากนั้นผึ้งจะเก็บน้ำผึ้งน้ำหวานจากดอกไม้ เข้ามาใส่หลอดรวง โดยใช้เวลา 3 วัน ผึ้งจะเก็บ น้ำหวานจนเต็มรวงผึ้ง น้ำผึ้งที่อยู่ในรวง ณ เวลานั้น ยังมีความชื้น

โดยประมาณ 29-33% ซึ่งไม่สามารถเก็บไว้ได้ในระยะเวลายาวนาน ฉะนั้นจึงบอกได้ว่า คำว่าน้ำผึ้งแท้มีโอกาสบูดหรือไม่ คือ มี

เมื่อเก็บน้ำผึ้งเต็มหลอดรวงแล้ว ความชื้นยังสูงอยู แต่ผู้เลี้ยงต้องการปริมาณการเก็บที่มาก ดังนั้นจึงรีบเอาน้ำเชื่อมจากน้ำตาลทรายจ่อไว้ที่หน้ารัง เพื่อให้ผึ้งเข้าใจว่า ปริมาณอาหารมีมากมายมหาศาล และอยู่ใกล้ ผึ้งจึงรีบปิดรวง โดยใช้น้ำเชื่อมที่ผสมจากน้ำตาลทรายขาวนั้น ปิดรวงทันที

หลังจากนั้น เมื่อหมดฤดูกาลเก็บน้ำหวานจากดอกไม้แล้ว จึงนำน้ำผึ้ง ไประเหยความชื้น ด้วยความร้อนประมาณ 60 องศา ซึ่งทำให้คุณค่าของน้ำผึ้งซึ่งมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ถูกทำลายไป

น้ำผึ้งจากน้ำหวานของดอกไม้ แต่ไม่ผ่านความร้อน : Raw Honey

น้ำผึ้งชนิดนี้ มีวิธีการเก็บเช่นเดียวกับวิธีการที่ผ่านความร้อน แต่ให้ระเหยเวลาการทำงานของผึ้งมากขึ้น โดยเมื่อผึ้งเก็บน้ำหวานจากดอกไม้เข้ามากักไว้ในรวงแล้ว จะได้เวลาเพิ่มขึ้นอีก 8-10 วัน ผึ้งจะสามารถรับรู้ได้เองว่า น้ำผึ้งในรวง นั้นมีความชื้นที่เหมาะกับการเก็บไว้ในระยะเวลายาวนานหรือไม่ โดยกลางวันจะเก็บน้ำหวาน และกลางคืนจะระเหยความชื้นเองด้วยวิธีการกระพือปีก 2 ข้าง พัดความชื้นให้ระเหยไป โดยจะทำงานไม่พักผ่อน เป็นเวลา 11-13 วัน จงมั่นใจว่าความชื้นที่อยู่ในน้ำผึ้งต่ำเพียงพอ คือ 16-21% ซึ่งถือว่าต่ำมาก ผึ้งจึงจะปิดรวงโดยธรรมชาติ

น้ำผึ้งที่มีความชื้นต่ำ สามารถเก็บรักษาได้นานหลายสิบปี โดยไม่บูดเสีย คนโบราณ เคยรักษาสภาพศพ เช่น ศพพระ ด้วยวิธีการใช้แผ่นพลาสติก หรือใบตอง วางซ้อนกันหลายชั้น ราดด้วยน้ำผึ้ง แล้วจึงวางศพ แล้วทาน้ำผึ้งด้านบน ศพจะอยู่ได้นานหลาบสิบปี ไม่เนาเปื่อย นี่ไม่ใช่ปาฏิหาริย์ แต่เพราะ น้ำผึ้งมีความชื้นต่ำ จึงมีลักษณะเหมือนฟิมล์ เคลือบไว้ ปกป้องการเจริญเติบโตของเชื้อโรค ที่ทำให้ศพเน่า ดังนั้นการพิสูจน์ได้ว่าแท้หรือไม่ เช่น น้ำผึ้งเทผ่านทิชชู่แล้วไม่ไหลซึง หรือ เอาไม้ขีดจุ่มน้ำผึ้งแล้วไปจุดไม่ติด ไม่ใช่วิธีพิสูจน์ได้ว่าแท้หรือไม่ แต่วิธีการคือถ้าลองเอาเนื้อสดๆ ไปแช่น้ำผึ้งแล้วไม่เน่า แสดงว่าเป็นน้ำผึ้งแท้ เช่นคนบนดอย ถ้ามีการเสียชีวิตจึงมักใช้น้ำผึ้ง 1 Kg. เทกรอกปากผู้เสียชีวิต ซึ่งจะรักษาสภาพศพไว้ได้ 1 สัปดาห์ โดยไม่ต้องฉีดฟอร์มาลีน